ในอดีตกาลผ่านมาหลายปี ร็อท ไอร์ออน ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ที่มีการศึกษาเข้าใจและชื่นชมความงามอันอมตะ ร็อท ไอร์ออน ได้รับความแพร่หลายในแง่ของ เครื่องตกแต่งบ้านจากภายในบ้าน อาทิเช่น ราวบันได ที่วางไวน์ เชิงเทียน เป็นต้น จนถึงภายนอกอาคาร เช่น ประตู รั้ว ราวระเบียง ฯลฯ และอื่นๆที่มีส่วนสร้างสรรค์ตกแต่งบ้านให้งดงาม งานสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตที่เกิดจากช่างเหล็กนี้แทบจะไม่มีข้อจำกัดเลย
ประวัติศาสตร์
ตามกาลเวลาในอดีต ประมาณ 4000ปีก่อนคริสตศักราช มนุษย์รู้จักการใช้เหล็กในสมัย ซุมาเรียน และ อียิปต์ ในรูปแบบของปลายหอกและเครื่องประดับเล็กๆ ซึ่งผลของแฟชั่นนี้เกิดจาการค้นพบธาตุเหล็กจากดาวตก (อุตกบาต)จากท้องฟ้า นักภาษาศาสตร์สันนิษฐานว่า จากดาวตกที่มาจากท้องฟ้านั้น คำว่า ไอร์ออน (iron) ในภาษาอังกฤษซึ่งได้รับมาจากภาษาต่างๆในภาคเหนือและภาคตะวันตกของภาษายุโรปนั้น มีรากศัพท์จากภาษา Etruscan ซึ่งเรียกเหล็กนี้ว่า “Aisar” ซึ่งความหมายคือ “พระเจ้า (Gods)”
ในระยะเวลา ประมาก 2000 – 3000 ปีก่อนคริสตศักราช การเพิ่มของวัตถุหลากหลายที่ได้รับจากการหลอมเหล็กได้ปรากฏที่ เมโซโปทาเมีย (Mesopotamia), อนาโตเลีย (Anatolia), และ อียิปต์ แต่การใช้ของเหล็กนั้นเน้นไปทางพิธีกรรมต่างๆมาก ซึ่งเหล็กในขณะนั้นมีค่ามากกว่าทอง ในสมัย อีเลียด (Illiad) ส่วนมากอาวุธจะทำด้วยทองแดง แต่เหล็กนั้นถูกใช้ในรูปแบบแท่งแทนเงินตรา บ้างก็ว่า เหล็กเป็นผลพลอยได้จากการถลุงทองแดง ซึ่งเหล็กที่ได้มานั้น จะมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ แต่วิทยาการในสมัยนั้นยังไม่สามารถถลุงเหล็กได้ เหล็กมาถูกใช้มาในปี 1600 ถึง 1200ก่อนคริสตศักราช แต่ยังไม่สามารถทดแทนทองแดงได้
ห้วงเวลา ปีที่ 12 ถึง ปีที่ 10 ก่อนคริสตศักราช เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตะวันออกกลางจากการเคยใช้ทองแดงมาเป็นเหล็กในการทำเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เป็นเพราะการขาดแคลนตะกั่วในการผสมทองแดง ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีในการถลุงเหล็กได้ก้าวหน้า ซึ่งห้วงเวลาการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งและหลายแห่งในโลกเสมือนหนึ่งเป็นรุ่งอรุณของการพัฒนาการของมนุษยชาติในสมัย ไอร์ออน เอจ (Iron Age) เหตุประจวบเหมาะในขณะนั้นเกิดการค้นพบ “คาร์บูไรเซชั่น” (Carburization) ซึ่งเป็นขบวนการเติมคาร์บอนเข้าในเหล็ก ก่อนหน้านั้น มนุษย์ได้ค้นพบเหล็กในสภาพเหล็กพรุน (คล้ายฟองน้ำ) ซึ่งเป็นส่วนผสมของเหล็กและเศษเล็กๆของคาร์บอนหรือคาร์ไบด์ เมื่อได้เผาเหล็กให้ร้อนและตีไปเรื่อยๆ ก็เสมือนหนึ่งเป็นการขจัดเศษของแร่ธาตุอื่นและขจัดคาร์บอนออกโดยอ๊อกซิไดซ์ ผลที่ได้รับคือ ร็อท ไอร์ออน
ร็อท ไอร์ออนจะมีส่วนผสมของคาร์บอนน้อยมาก ในขณะนั้น ชาวตะวันออกกลางได้ค้นพบวิธีการที่ทำให้เหล็กนั้นแข็งโดยการเพิ่มเวลาในการเผาเหล็กให้นานมากขึ้น หลังจากนั้นจุ่มลงในน้ำหรือน้ำมัน สิ่งที่ได้รับคีอ ผิวของเหล็กนั้นจะแข็งแกร่งและไม่บิ่นง่าย
เหมือนทองแดง ดังนั้น เหล็กจึงขึ้นมาแทนที่ทองแดงตั้งแต่นั้นมา
ในจีนนั้น ก็เช่นเดียวกัน เหล็กนั้นได้มาจากดาวตกหรืออุตกบาตรซึ่งนักโบราณคดีได้พบหลักฐานของ ร็อท ไอร์ออนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ใกล้ซินเกียงซึ่งอายุอยู่ในราวปีที่ 8 ก่อนคริสตศักราช ผลิตภัณฑ์ ร็อท ไอร์ออนที่พบนั้น มีกรรมวิธีเฉกเช่นเดียวกับกระบวนการผลิตที่ใช้ในตะวันออกกลางและยุโรป พาให้คิดไปว่า สิ่งของเหล่านี้ถูกนำมาโดยชาวต่างประเทศซึ่งไม่ใช่คนจีน
ในสมัยราชวงศ์ โจว (ประมาณ ปี 550 ก่อนคริสตศักราช) โรงงานเหล็กได้พัฒนาความสามรถโดยการใช้เตาเผาเป็นเครื่องมือในการทำงาน ซึ่งอุณหภูมิของความร้อนที่ใช้นั้นถึง 1300 องศา ชาวจีนจึงพัฒนาเป็นการผลิตในรูปแบบของการหล่อเหล็ก หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า pig iron.(not pure iron)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น